วันนี้เรียนเรื่อง "การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย"
"การอบรมเลี้ยงดูเด็ก" หมายถึง การที่บิดา มารดา หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในการเลี้ยงดูเด็ก
ปฏิบัติต่อเด็กที่ยังไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ให้เจริญเติบโต และมีพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญา ซึ่งผู้อบรมต้องอบรมด้วยความรัก ความเข้าใจ และปรับวิธีการอบรมเลี้ยงดูเด็กอย่างเหมาะสม ให้เข้ากับสภาพการเปลี่ยนแปลงของสังคม เพื่อให้เด็กเติบโตเป็นคนดี สามารถเผชิญกับสภาพการณ์ของสังคม และอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
ความสำคัญและความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูก
: ความรู้สึกที่พ่อแม่มีต่อลูกและความรู้สึกที่ลูกมีต่อพ่อแม่นั่นเอง
เด็กแต่ละคนอาจจะมีความรู้สึกต่อพ่อแม่ต่างกัน เช่น
ลูกสาวมักจะใกล้ชิดสนิทสนมกับพ่อมากกว่าแม่
หรือลูกชายมักจะใกล้ชิดสนิทสนมกับแม่มากกว่าพ่อเป็นต้น
วิธีการอบรมเลี้ยงดูเด็ก
อาจจัดได้ 4 วิธี ดังนี้
1. การอบรมเลี้ยงดูแบบความรักความอบอุ่นแบบประชาธิปไตย
2. การอบรมเลี้ยงดูเด็กแบบคาดหวังเอากับเด็ก
3. การอบรมเลี้ยงดูแบบปล่อยปละละเลย
4. การอบรมเลี้ยงดูแบบรักถนอมมากเกินไป
การดูแลเด็กทารก
: นับตั้งแต่คลอดจากครรภ์มารดาไปจนถึง 2 ปี
เป็นวัยที่สำคัญที่สุดในการวางรากฐานสำคัญต่างๆของชีวิตในทุกๆด้านเป็นระยะที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด
บิดามารดาผู้เลี้ยงดูจึงควรใช้ระยะเวลานี้เพื่อส่งเสริมให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น
โดยตอบสนองความต้องการจำเป็นต่างๆเพื่อให้ทารกมีพัฒนาการที่ดีทั้งทางกาย อารมณ์
จิตใจ สังคมและสติปัญญา
การอบรมเลี้ยงดูเด็กวัยก่อนเรียน
: เด็กวัยตอนต้นมีอายุ 2-5 ปี
เด็กวัยก่อนเรียนเป็นช่วงวัยที่สำคัญที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิตเพราะเป็นวัยของการวางรากฐานบุคลิกภาพของมนุษย์ระยะนี้เป็นระยะที่เกิดการเรียนรู้มากที่สุดในชีวิตเป็นช่วงพัฒนาการที่สำคัญที่สุดที่จะสร้างบุคลิกภาพให้แก่เด็ก
เด็กจะเป็นคนอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูในวัยนี้เป็นสำคัญ
การเลียนแบบของเด็กวัยก่อนเรียนแบ่งออกได้เป็น
3
ลักษณะใหญ่ๆคือ
1. การเรียนแบบบทบาททางเพศ
2. การเลียนแบบส่วนตัวที่ไม่ใช่บทบาททางเพศ
3. การเลียนแบบกับการพัฒนาศีลธรรม
ปัญหาของเด็กก่อนวัยเรียน
1. ปัญหาด้านสุขภาพ สุขภาพจิต
สาเหตุของปัญหาเกี่ยวข้องกับครอบครัวแม่ไม่นิยมเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
พ่อแม่เลี้ยงดูเด็กอย่างทารุณ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม
2. ปัญหาด้านโภชนาการ สาเหตุของปัญหาเกี่ยวข้องกับครอบครัว คือ แม่ขาดความรู้ด้านโภชนาการ
นอกจากนี้เกิดจากพ่อแม่ขาดความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับอาหาร
3. ปัญหาด้านสติปัญญาและความสามารถพื้นฐาน
สาเหตุของปัญหา คือ พ่อแม่ขาดความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์
สังคมและสติปัญญาของเด็ก
4. ปัญหาด้านสังคม วัฒนธรรม และจริยธรรม
สาเหตุของปัญหาเกี่ยวข้องกับครอบครัว คือ
เด็กเป็นบุตรนอกสมรสและเกิดจากการตั้งครรภ์ที่พ่อแม่ไม่พึงปรารถนา
พ่อแม่ขาดการศึกษาและขาดความรับผิดชอบครอบครัวแตกแยก
ความจำเป็นที่ต้องมีพ่อ
1) เด็กชายและเด็กหญิง จะต้องเห็นแบบอย่างของผู้ใหญ่ชาย
2) พ่อต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกชาย
3) เด็กหญิงจะได้รู้จักบทบาทของผู้ชาย
4) พ่ออาจช่วยปลูกฝังลักษณะทั่วไปของชายให้แก่ลูก คือ ความเข้มแข็ง บึกบึน
5) พ่อที่สนิทสนมกับลูกชาย มีโอกาสที่จะพูดคุยกันอย่างลูกผู้ชาย
6) ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกผู้ชายกับพ่อ ช่วยให้ลูกได้เรียนรู้วิธี ผูกมิตรไมตรีกับชายอื่นที่เขาต้องการสมาคมด้วย
7) ความเข้มแข็ง เป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นผู้นำในเรื่องต่างๆ จะช่วยให้ลูกชายเกิดศรัทธา และอยากเลียนแบบ
ความจำเป็นที่ต้องมีแม่
1) แม่ต้องคอยดูแลลูกให้ปฏิบัติตามแบบแผน
2) ช่วยปลูกฝังนิสัยการกินที่ดี
3) สอนให้รักษาความสะอาด
4) คอยฝึกฝนกิริยามารยาทที่ดีงาม
5) สอนให้ลูกเก็บรักษาสมบัติ ฝึกความเป็นระเบียบเรียบร้อย
6) สอนศีลธรรม
7) เห็นแบบอย่างความเป็นผู้หญิงจากแม่
8) ลูกสาวจะได้เรียนรู้สิ่งใดมีค่าสำหรับผู้หญิงจากแม่ และต้องพยายามหามาให้เป็นของตน
9) ช่วยให้ลูกสาวพัฒนาทางอารมณ์ให้ความรู้เรื่องเพศ ตามวัย