บทที่5 การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย
1.กินอาหารดี ดื่มน้ำมากๆ นอนหลับเพียงพอ
2.กระตุ้นประสาทสัมผัสผ่านการลงมือทำ
3.เล่านิทาน จัดหาหนังสือนิทานที่หลากหลาย
4.เล่นสีและทำงานศิลปะ
5.ทำกิจกรรมดนตรีและการเคลื่อนไหว
6.เล่นกีฬาและออกกำลังกาย
7.ทำอาหารร่วมกัน
8.ปลูกผักสวนครัว
9.ใช้ชีวิตกับธรรมชาติ
10.เล่นบทบาทสมมุติ
11.เล่นแบบพัฒนาความคิด
12.ฝึกลูกทำงานบ้านและรับผิดชอบหน้าที่ตนเอง
13.เปิดโอกาสให้ลูกได้แก้ปัญหาด้วยตนเอง
14.สอนลูกให้มีจิตสาธารณะ
15.ให้การสนับสนุนในสิ่งที่ลูกสนใจ
16.หลีกเลี่ยงการใช้สื่อออนไลน์และดิจิตัลเมื่อลูกอยู่ข้างๆ
17.หลีกเลี่ยงการทำโทษลูกด้วยการใช้อารมณ์
18.สร้างบรรยากาศในครอบครัวให้สงบสุข
19.พูดคุยถึงอารมณ์และความรู้สึกกัน
20. กอด หอม และชมเชย
นำเสนอ
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการเด็กปฐมวัย
ทฤษฎีการเรียนรู้ของบรูเนอร์ (Jerome S.
Bruner)
บรูเนอร์ (Bruner,
1956) เป็นนักจิตวิทยาในยุคใหม่ ชาวอเมริกันคนแรกที่สืบสานความคิดของเพียเจต์
โดยเชื่อว่าพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กเกิดจากกระบวนการภายในอินทรีย์ (Organism)
เน้นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมที่แวดล้อมเด็ก ซึ่งจะพัฒนาได้ดีเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็ก
และชี้ให้เห็นว่าการศึกษาว่าเด็กเรียนรู้อย่างไร
ควรศึกษาตัวเด็กในชั้นเรียนไม่ควรใช้หนูและนกพิราบ ทฤษฎีของบรูเนอร์เน้นหลักการ
กระบวนการคิด ซึ่งประกอบด้วย ลักษณะ 4 ข้อ คือ แรงจูงใจ (Motivation)
โครงสร้าง (Structure) ลำดับขั้นความต่อเนื่อง (Sequence)
และการเสริมแรง (Reinforcement)
ซึ่งคล้ายคลึงกับขั้นพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
ได้แก่
1. ขั้นการกระทำ
(Enactive Stage) เด็กเรียนรู้จากการกระทำและการสัมผัส
2. ขั้นคิดจินตนาการหรือสร้างมโนภาพ
(Piconic Stage) เด็กเกิดความคิดจากการรับรู้ตามความเป็นจริง
และการคิดจากจินตนาการด้วย
3. ขั้นใช้สัญลักษณ์และคิดรวบยอด
(Symbolic Stage) เด็กเริ่มเข้าใจเรียนรู้ความ
สัมพันธ์ของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว และพัฒนาความคิดรวบยอด
เกี่ยวกับสิ่งที่พบเห็น
แนวทางในการจัดการเรียนการสอน
1
ผู้เรียนต้องมีแรงจูงใจภายใน มีความอยากรู้ อยากเห็นสิ่งต่างๆรอบตัว
2
โครงสร้างของบทเรียนซึ่งต้องจัดให้เหมาะสมกับผู้เรียน
3
การจัดลำดับความยาก-ง่ายของบทเรียนโดยคำนึงถึงพัฒนาการทางสติปัญญาของผู้เรียน
4
การเสริมแรงของผู้เรียน
สรุป บรูเนอร์มีความเห็นว่า คนทุกคนจะมีพัฒนาการทางความรู้ความเข้าใจ โดยผ่านกระบวนการที่เรียกว่า acting, imaging และ
symbolizing เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องไปตลอดชีวิต
มิใช่ว่าเกิดขึ้นเพียงช่วงใดช่วงหนึ่งในระยะแรกๆของชีวิตเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น